เมนู

63. อรรถกถาปัจจาคมนิยเถราปทาน


อปทานของท่านพระปัจจาคมนิยเถระ มีคำเริ่มต้นว่า สินฺธยา
นทิยา ตีเร
ดังนี้.
พระเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญบุญสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ
สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแก่พระนิพพานในภพนั้น ๆ ในกาลแห่ง
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี บังเกิดในกำเนิดแห่งนกจักรพราก
ใกล้ฝั่งแม่น้ำสินธุคงคา ไม่กินสัตว์มีชีวิต เพราะตนประกอบด้วยบุญ
สมภารในกาลก่อน กินแต่สาหร่ายเท่านั้นเที่ยวไป. สมัยนั้น พระผู้มี-
พระภาคเจ้าทรงพระนามว่า วิปัสสี เมื่อทรงกระทำอนุเคราะห์แก่สัตว์
ได้เสด็จไปในที่นั้น. ขณะนั้น นกจักรพรากนั้น เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า
รุ่งเรืองอยู่ มีใจเลื่อมใส เด็ดดอกสาหร่ายจากต้นสาหร่ายมาบูชา ด้วย
ความเลื่อมใสแห่งจิตนั้นเอง ท่านจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว เกิดในเทวโลก
เสวยสมบัติในฉกามาวจรสวรรค์ไป ๆ มา ๆ จุติจากอัตภาพนั้นแล้ว เกิดใน
มนุษยโลก เสวยสมบัติมีจักรพรรดิสมบัติเป็นต้น ในพุทธุปบาทกาลนี้
บังเกิดในเรือนมีตระกูลแห่งหนึ่ง บรรลุนิติภาวะแล้ว เลื่อมใสในพระศาสดา
บวชแล้ว ไม่นานนักก็ได้เป็นพระอรหันต์. ท่านปรากฏโดยนามแห่งบุญใน
กาลก่อนว่า ปัจจาคมนิยเถระ เพราะเหตุที่คนเป็นนกจักรพราก เห็น
พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ไปในที่บางแห่งก็นำดอกไม้มาบูชา.
ท่านระลึกถึงบุพกรรมของตน เกิดโสมนัส เมื่อจะประกาศปุพพ-
จริตาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า สินฺธุยา นทิยา ตีเร ความว่า ชื่อว่า
สินธุ เพราะกระทำเสียงว่า สิ ให้เคลื่อนไหวอยู่ ให้หวั่นไหวอยู่. ชื่อว่า
นทิ เพราะกระทำเสียงให้บันลือไป. บทว่า จกฺกวาโก อหํ ตทา ความว่า

ชื่อว่า จักกวากะ เพราะแล่นไป คือไปในน้ำ บนบก หรือบินไปในอากาศ
เร็วเหมือนนกจักรพรากไปได้เร็วฉะนั้น. อธิบายว่า ในกาลนั้น คือในกาล
ที่ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี เราได้เป็นนกจักรพราก.
บทว่า สุทฺธเสวาลภกฺโขหํ ความว่า ข้าพระองค์เคี้ยวกินเฉพาะสาหร่าย
ที่บริสุทธิ์ เพราะไม่เจือด้วยอาหารอื่นอยู่. บทว่า ปาเปสุ จ สุสญฺญโต
ข้าพระองค์เป็นผู้สำรวมด้วยดี คือสำรวมศึกษาด้วยดีในการทำบาป ด้วย
อำนาจวาสนาในกาลก่อน.
บทว่า อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ ความว่า ข้าพระองค์ได้เห็น คือได้เฝ้า
พระพุทธเจ้า ผู้ไม่มีธุลี คือไม่มีกิเลส เพราะเว้นจาก ราคะ โทสะ โมหะ.
บทว่า คจฺฉนฺตํ อนิลญฺชเส ความว่า ซึ่งพระพุทธเจ้าผู้เสด็จไปอยู่บนทาง
แห่งอากาศอันไม่มีร่องรอย. อธิบายว่า ข้าพระองค์ได้ประคอง คือคาบ
เอาดอกสาหร่ายด้วยปากของข้าพระองค์ ได้ปลูกความยินดียิ่งต่อพระผู้มี-
พระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี คือได้บูชาแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า. คำที่เหลือ
มีอรรถรู้ได้ง่ายทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาปัจจาคมนิยเถราปทาน

ปรัปปสาทกเถราปทานที่ 4 (64)


ว่าด้วยผลแห่งการสรรเสริญ


[66] ใครได้เห็นพระสัมพุทธเจ้าผู้องอาจ ผู้ประเสริฐ ผู้
แกล้วกล้า ผู้แสวงหาคุณใหญ่ ทรงชนะวิเศษ มีพระฉีวรรณ
ดังทองแล้ว จะไม่เลื่อมใสเล่า.

ใครเห็นพระฌานของพระพุทธเจ้า อันเปรียบเหมือน
ภูเขาหิมวันต์อันประมาณไม่ได้ ดังสาครอันข้ามได้ยาก แล้ว
จะไม่เลื่อมใสเล่า ใครเห็นศีลของพระพุทธเจ้า ซึ่งเปรียบ
เหมือนแผ่นดินอันประมาณมิได้ ดุจมาลัยประดับศีรษะอัน
วิจิตรฉะนั้นแล้ว จะไม่เลื่อมใสเล่า.

ใครเห็นพระญาณของพระพุทธเจ้า ซึ่งเปรียบดังอากาศ
อันไม่กำเริบ ดุจอากาศอันนับไม่ได้ฉะนั้นแล้ว จะไม่เลื่อมใส
เล่า.

พราหมณ์ชื่อว่าโสนะ ได้สรรเสริญพระพุทธเจ้าผู้ประ-
เสริฐสุด พระนามว่าสิทธัตถะ ผู้ไม่ทรงแพ้อะไร ด้วยคาถา
4 คาถานี้แล้ว ไม่ได้เข้าถึงทุคติเลย ตลอด 94 กัป เราได้
เสวยสมบัติอันดีงามมิใช่น้อยในสุคติทั้งหลาย.

ในกัปที่ 94 แต่กัปนี้ เราสรรเสริญพระพุทธเจ้าผู้นำของ
โลกแล้ว ไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการสรรเสริญ.

ในกัปที่ 14 แต่กัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 4 ครั้ง
ผู้สูงศักดิทรงสมบูรณ์ด้วยรัตนะ 7 ประการ มีพละมาก.